สุรา
![]() |
![]() |
สุรา หรือ เหล้า คือของมึนเมาที่อยู่คู่อารยธรรมของมนุษยชาติมานานกว่า 5,000 ปี[1] บรรจุอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าขี้เมา บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดี ทั้งๆแท้จริงแล้ว มันอยู่ที่ตัวคนกินนั่นแหละว่าจะกินเหล้า หรือ โดนเหล้ากิน
ชนิดของสุรา[แก้ไข]
เหล้า (Spirit)[แก้ไข]
- เหล้าในโลกเบี้ยวๆ บวมๆ ใบนี้มีอยู่มากชนิด หลากยี่ห้อ หลายดีกรี
- ในเมืองไทย เหล้าที่คนไทยนึกถึงเป็นอันดับหนึ่งคือเหล้า "แม่โขง" (สำหรับบางคนอาจนึกถึง "หงส์ทอง" หรือ "แสงโสม")
- ชื่อของเหล้าแม่โขงนี้ตั้งขึ้นเมื่อไทยจะไปรบกับอินโดจีนฝรั่งเศสเพื่อทวงดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืน
- เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เมื่อมีเหล้าแม่โขงแล้ว ทำมายจะมีเหล้า "พ่อโขง" ไม่ได้ !!!!! (เดี๋ยวนี้เลิกผลิตแล้วล่ะ เหลือแต่ภาพโฆษณาไว้เปนอนุสรณ์)
- เหล้าที่ชาวบ้านชอบกิน ถ้าไม่นับเหล้าเถื่อนแล้ว เหล้าขาวต้องนับว่าคือเหล้ายอดนิยมอันดับหนึ่ง ซึ่งเหล้านี้ดีกรีมักจะแรงกว่าเหล้าอื่นๆ ที่ขายในท้องตลาด แถมราคายังถูกอีกต่างหาก
- เหล้าขาวที่คนทั่วไปชอบกิน คือ เหล้าขาว 40 ดีกรี นิยมกันว่าแรงดีนักแล
- จอมพลปลาสลิด อดีตนายกสมาคมกร็อฟแห่งประเทศไทย เป็นนายกฯคนเดียวที่ถึงแก่อสัญกรรมในตำแหน่ง เนื่องจาก โรคพิษสุราเรื้อรัง (ตายเท่ห์มาก)
อุ[แก้ไข]
- เหล้าอุ เป็นเหล้าที่แปลกกว่าชาวบ้าน เพราะเป็นเหล้าบรรจุอยู่ในไห (หมักไว้ในไหเลยทีเดียว) ฝาไหนั้นปิดด้วยแกลบให้สนิท
- ยามจะดื่มไม่ต้องเทออกมาจากไหหรอก แต่เขาให้หลอดดูดดูดกินจากไหเลย(คนอื่นที่ไม่ใช่ยามก็ต้องดูดจากไหเช่นกัน)
- หลอดดูดที่ว่าเป็นหลอดไม้กลวงๆ หน่อย ใหญ่กว่าหลอดดูดน้ำหวานเยอะ
- จะให้ดีเหล้านี้ต้องกินกันหลายๆ คน ล้อมวงกันดูด ถึงจะได้อรรถรส
- มีจำหน่ายทั่วไปแล้วในภาคอีสานของไทย
- ปัจจุบันเหล้านี้เขาขายกันเป็นโอท็อปด้วยล่ะ
- อยากรู้ลึกกว่านี้ ก็เชิญอ่านต่อเอาเองละกัน
บรั่นดี[แก้ไข]
Carlet is the Liquor for Boys; Port for Men; But He Who Aspires to be a Hero Must Drink Brandy— Samuel Johnson
- ชื่อเต็มของบรั่นดีคือ บรั่นดีไวน์ (Brandy Wine)
- คือไวน์ที่ผ่านกระบวนการกลั่นแบบวิสกี้
- กลิ่นหอมหวน รสออกไปทางเปรี้ยวๆหวานๆ
- บรั่นดีชั้นดี คือบรั่นดีที่มาจากแคว้น คอนญัก (Cognac) ในฝรั่งเศส (France's OTOP) บ้านเราเรียกว่า "คอนหยัก"
- คู่แข่งตัวฉกาจของคอนญักคือ Armagnage บรั่นดีจากแคว้น อาร์มาญาค (Armagnacs) ในฝรั่งเศสเช่นกัน กลิ่มหอมนุ่มนวลชวนฝัน รสชาตละเมียดละมัย ใครได้ลิ้มลองเป็นต้องตกหลุมรัก
- ข้อเสียของบรั่นดีคือ หลังเปิดกินแล้วครั้งนึง ต้องเก็บเอาไว้ให้มันบ่นตัวเองใหม่อย่างน้อย 1 เดือน มิเช่นนั้น จะได้เหล้าที่จืดชืด ไร้กลิ่น (แต่ยังมีสีนะ)
ผมตกหลุมรัก อาร์มาญาค เข้าแล้ว— ไอ้ขี้เมา กล่าวในวันที่ 28 มีนาคม 2551 เนื่องในโอกาสที่ได้ลิ้มลองอาร์มาญาคเป็นครั้งแรก
= วิสกี้[แก้ไข]

- สำหรับเหล้านอก โดยมากแล้วจะกลั่นมาจาก ข้าวสาลี (Wheat) หรือข้าวบาเลย์ (อันนี้โดยมากจะใช้ทำเบียร์ด้วยนะ)
- เบอเบิร์น (Bourbone) คือวิสกี้ประเภทหนึ่ง นิยมมากในอเมริกา มีรสหวานนิดๆ
- สก็อตวิสกี้ ต้องกลั่นในสก็อกแลนด์เท่านั้น
- ไอริชวิสกี้ ก็ต้องมาจาก ไอร์แลนด์เท่านั้น
- วิสกี้ในเมืองไทย และเหล้าปลอมที่วางขายตามแนวชายแดน กลั่นมาจากซังข้าวโพดเป็นหลัก
- อยากรู้ไหมหล่ะ Green, Gold กะ Blue Label รสชาติเป็นยังไง
- Green Lable หมักจาก มอลต์ที่ปลูกในที่ราบสูง (High LAnd) อายุในการหมัก 15 ปี มีกลิ่นหอมมากๆ หอมกว่าใครในตระกูลเลเบอร์ด้วยกัน
- Gold Label อายุในการหมัก 18 ปี รสหวานนุ่มชุ่มคอ ใครกินผสม ขอบอกหว่ะ เสียดายของ
- Blue Label อายุในการหมัก 25 ปี หวานนุ่มกว่าใครในโลกหล้า แต่ราคาแพงระยับ ขวดละ 4500 บาทเป็นอย่างน้อย (คนเขียนก็จน บังเอิญโชคดี ลูกพี่เลี้ยง)
เอาวิสกี้แช่ไว้ช่องแช่แข็ง แล้วพอเปิดออกมากินแบบ on the rock นี่สุดยอดไปเลย— ไอ้ขี้เมา ว่าไว้
- เหล้าซังข้าวโพด เป็นแสลงที่ใช้เรียกเหล้าวิ้สกี้กลุ่มหนึ่งที่พบมากในประเทศไทย,กัมพูชาและลาว ซึ่งมีกลิ่นฉุนอันเป็นเอกลักษณะ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพไม่ดีนะ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้นั้น เป็นข้อมูลปกปิด
- เหล้าปลอมที่ขายกันตามแนวชายแดนนี่ ส่วนมากข้างในก็เป็นพวกเหล้าซังข้าวโพดเนี่ยแหละ
- ที่จริงแล้ว มันคือเหล้ารัมต่างหาก
- แต่ทว่า เหล้าไทยบางยี่ห้อดันใช้กากน้ำตาลหมักเป็นวัตถุดิบ จากนั้นเอามาแต่งรส ซึ่งเป็นการทำเหล้ารัมคุณภาพต่ำนั่นเอง (แต่ก็ยังเป็นเหล้ารัมอยู่ดี)
- ในประเทศหลังเขา 100 Pipers ราคาแพงกว่า Red Label นิดหน่อย
- ถ้าคุณไปอังกฤษ แล้วสั่งวิสกี้ผสมโค้ก เขาจะเชิญคุณออกจากร้าน ไม่ก็โยนวิสกี้เปล่าๆ กับโค้กหนึ่งขวดให้คุณ แล้วบอกว่า "ผสมเองละกัน"
- พวกฝรั่งมังค่าเขากินวิสกี้ผสมนมด้วยหล่ะ นุ่มนะ จะบอกให้
เหล้ารัม[แก้ไข]
- เป็นเหล้าที่กลั่นมาจากอ้อย กากอ้อย หรือน้ำตาลอ้อย
- มี2พวกคือ รัมดำและรำขาว
- สมัยก่อน พวกกรรมกร, ทหารเรือ และโจรสลัดชอบกิน
- เดี๋ยวนี้คุณภาพดีขึ้น ชนชั้นสูงที่นิยมเหล้ารัมก็เยอะ
- ในอ๊อดเตะเลีย เคยมีการก่อกบฎเกิดขึ้น และเหตุการณ์นั้นถูกเรียกว่า กบฎเหล้ารัม เพราะรัฐบวมเบี้ยวสัญญาการแจกเหล้ารัมให้กิน
- ในอมาริเกย์ ก็เคยมีการเบี้ยวในทำนองเดียวกัน แต่ผลที่ตามมาคือสงครามประกาศอิสรภาพ
Vodka[แก้ไข]
เหล้าวอดกา หรือ เหล้าขาวอีวาน (รัสเซี่ยน) ใส ไม่มีสี แต่หนักหน่วงเร้าใจ เป็นที่นิยมมากๆในรัสเซีย นอกจากนี้ วอกก้ายังเป็นที่นิยมในการผสมเหล้าคอกเทลมากๆ เนื่องจากเข้าได้กับลีเคียวเกือบทุกชนิด
- ชาวรัสเซียชอบกินวอดก้ามาก ก่อนออกจากบ้านก็ ตบก่อน 1 ช็อต ออกไปนอกบ้าน เจอร้านข้างทางก็อีก 1 ถ้าเจออีก ก็เอาอีก พอถึงบ้าน ก็ปิดท้ายอีกรอบ (กว่าจะถึงบ้านล่อไปเกือบ 20 เมาพอดี)
- บอริส เยลซิน อดีตประทานสมาคมกร็อฟแห่งรัสเซียผู้ล่วงลับ ชอบกินวอดก้ามาก บางครั้ง พี่แกก็ไม่ออกไปต้อนรับผู้นำประเทศบางประเทศที่มาเยือนรัสเซีย เนื่องจาก เมาวอดก้า ลุกไปไม่ไหว (ซ่ะงั้น)
- ในเมืองเทยเคยมีวอดก้าแบบ RTD (Ready to แดก) นามว่า Nite ที่ถอดแบบมาจากเหล้า Vodka Battlecruisers ที่เป็นวอดก้าแบบ RTD ของอ๊อดเตะเลีย
เชี่ยงชุน[แก้ไข]
ดูบทความเชี่ยงชุน
โซจู[แก้ไข]
โซจู ก็คือเซี่ยงชุนเกาหลี แต่อ่อนกว่าเยอะ แค่ราวๆ 20-45 ดีกรีเอง กลิ่นไม่จัด แต่รสชาตห่วยแตกถ้าดื่มในขณะที่มันยังเย็น แต่ก็นั่นแหละ คนเกาหลีเขาชอบดื่มกับเบียร์ โดยเอาเบียร์กับโซจูมาผสมกันแล้วดื่ม
อย่างไรก็ตาม โซจูที่รสชาติไม่เลวก็ยังมีอยู่ คือโซจูยี่ห้อ Jinro กลิ่นหอมจางๆ รสหวานนิดๆที่ปลายลิ้นหลังกลืน (ชิมที่อุณหภูมิห้อง)การดื่มที่อุณหภูมิสูงนั้น ไม่ได้ทดลอง เนื่องจากไม่ปรากฏว่าชาวเกาหลีดื่มโซจูที่อุณหภูมิสูง
ที่มาของโซจูนั้น เกิดจากการที่เกาหลีถูกพวกมองโกลรุกราน และชาวมองโกลเองก็เอาเทคนิกการกลั่นสุราจากชาวเปอร์เซียมาเผยแพร่ต่อชาวเกาหลี
ที่ญี่ปุ่นก็มีโซจูเหมือนกัน ส่วนใหญ่ทำจากสาเกกลั่น ก็ครือเหล้าขาวนั่นแล ประวัติโซจูญี่ปุ่นซามูไรญี่ปุ่นจะใช้เป็นแอลกอฮอล์ล้างแผล แต่ยามอดอยากปากเปรี้ยวก็ซัดแอลกอฮอล์ล้างแผลแทนสาเก ดังนั้นโซจูญี่ปุ่นจึงมีรสชาดทุเรศทุรังต่างจากโซจูของเกาหลี
แอลกอฮอล์ล้างแผลในปัจจุบันมีทั้งส่วนผสมของเมธานอลและโพรพานอล ใช้กรึ๊บแทนโซจูไม่ได้เด็ดขาด แต่ใช้จุดไฟได้ดีนักแล(แม่ง แต่ละอย่างองค์ประกอบคาร์บอมชวนติดไฟง่ายทั้งน้านน)
สาเกย์[แก้ไข]
สาเกย์ ก็คือเหล้าขาวญี่ปุ่น มีหลายชนิด ส่วนใหญ่ต้องอุ่นให้สาเกอุ่นก่อนแล้วจึงดื่มถึงจะได้รสชาตที่หอมอร่อย ถ้ากินตอนเย็นๆจะได้รสชาติเฝื่อนๆ กลิ่นแย่ แต่สาเกเย็นก็มีเหมือนกัน
สาเกแปลได้สองอย่าง[2] ภาษาญี่ปุ่นหมายถึงเหล้าโดยทั่วไป จะเป็นบรั่นดี วิสกี้ วอดก้า อะไรก็สาเกทั้งนั้น แต่ถ้าภาษาต่างชาติ มักจะใช้คำนี้เรียกเหล้าญี่ปุ่น (ที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Nihonshu) ซึ่งเป็นเหล้าที่มาจากการหมักข้าว ที่เค้าชอบกระดกกินกันอุ่น ๆ
ส่วนโชชูนั้นทำจากการกลั่น แล้ววัตถุดิบก็หลากหลายกว่า รสชาติและกลิ่นก็จะแปลก ๆ หน่อย ที่เห็นคนกินบ่อย ๆ ก็ทำมาจากมันเทศ
เบียร์[แก้ไข]

เดินเข้าเซเว่น มองหาขวดสีชา รึสีเขียว นั่นแหละ เบียร์
- ทำจากข้าวบาเลย์เป็นส่วนใหญ่
- ไปเมืองนอก (รวมจีน) อย่าแปลกใจถ้าเขาไม่เสริฟน้ำแข็งคู่กับเบียร์ บ้านเขาหนาวพออยู่แล้ว ไม่จำเป็น
- เบียร์ดี กินที่อุณหภูมิห้อง แต่เพราะส่วนมากมันไม่ดี เลยต้องกินเย็น ๆ
- เบียร์ที่กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว หลังละลายจะไม่อร่อย เนื่องจาก ก๊าซในเบียร์ได้หายไปหมดแล้ว
- เบียร์วุ้นคือเบียร์ที่กลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลัน ทำให้เม็ดน้ำแข็งนั้น ละเอียดมากๆ เหมือนสเลอบี้
- อย่าริอาจเอาเบียร์วุ้นไปขายฝรั่ง เพราะฝรั่งมันไม่กิน
- ถ้ากินเบียร์ไทย นึกถึงเบียร์สิงห์/เบียร์ช้าง/เบียร์ลีโอ กินเบียร์จีนนึกถึงเบียร์ชิงเต่า กินเบียร์ญี่ปุ่นนึกถึงเบียร์คิริน
- แต่ถ้ากิน "เบียร์ลาว" คนไทยกลับนึกถึงชื่อเบียร์นี้ว่า "เขยลาว" !!!!!
- ทั้งนี้ มีคำพูดตลกๆ อย่างหนึ่งของพี่ไทยกล่าวว่า "อยากเป็นเขยลาว ต้องกินเบยลาว"
- ที่จริงเบียร์ลาวเขาก็ชื่อว่า "เบียร์ลาว" นั่นแหละ แต่เขาเขียนว่า "เบยลาว" ตามอักขรวิธีของเขา แล้วเผอิญหัวอักษร "บ" ของลาวดันโค้งเล็กน้อยซะด้วย
- ฉะนั้น พี่ไทยหลายคนจึงนึกว่าอักษร "บ" ลาว เป็นอักษร "ข" ไปซะฉิบ
- ที่จริงเบียร์ลาวเขาก็ชื่อว่า "เบียร์ลาว" นั่นแหละ แต่เขาเขียนว่า "เบยลาว" ตามอักขรวิธีของเขา แล้วเผอิญหัวอักษร "บ" ของลาวดันโค้งเล็กน้อยซะด้วย
- ทั้งนี้ มีคำพูดตลกๆ อย่างหนึ่งของพี่ไทยกล่าวว่า "อยากเป็นเขยลาว ต้องกินเบยลาว"
- นาย จอน โฮเวิร์ด อดีตนายกสมาคมกร็อฟแห่งออสเตรเลีย เคยเป็นแชมป์กินเบียร์ 12 ปีซ้อน (บร๊ะเจ้ามากๆ)
- เบียร์ชาเขียว? (ในภาพ) มีวางจำหน่ายจ้า
- ในช่วงปี 2544 มีโฆษณาเบียร์ยี่ห้อใหม่ในประเทศเทยนามว่า "ซูปเปอร์เชลล์สี" (จากผู้ผลิตเบียร์สิงห์ และ เบียร์ลีโอ) ที่ใช้คนแสดงเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีสโลเกนบอกไว้ชัดเจนว่า "ไม่ต้องพ่วง(เหล้า)"
แต่ถ้าเปลี่ยนคนแสดงมาเป็นช่างกลกับพวกที่บ้ายุ่นปี่ขื้นมาละก็...อย่ามาพูดเลยน่าจะดีกว่ามั้ย |
---|
ไวน์[แก้ไข]
เหล้าหมักจากองุ่น หรือผลไม้อื่นๆ มี 4 ชนิดใหญ่ๆ
- ไวน์แดง
- ไวน์ขาว
- ไวน์ชมพู (ไวน์แดง ผสม ไวน์ขาว)
- ไวน์ ฟอสติฟาย (Fortified Wine) ทำจากผลไม้ เช่น มูสแคส มีรสหวานมาก บางครั้งก็ถูกเรียกว่า "ไวน์ของหวาน (Dessert Wine)
เกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับไวน์[แก้ไข]
- คำว่าไวน์ ภาษาฝรั่งเศสเขาเขียนว่า vin อ่านว่า แว็ง
- ไวน์แดง เรียกว่า vin rouge (แว็ง รูจ)
- ไวน์ขาว เรียกว่า vin blanc (แว็ง บล็อง)
- ไวน์ชมพู เรียกว่า vin rose (แว็ง โรเซ่ - ตัว e มันมี accent (อั๊กซองต์) กำกับนะครับ)
- ไวน์ที่เหมาะกับอาหารไทยคือ Viognier (อ่านว่า โว-ยิ-โอน)
- โดยทั่วไป อาหารเอเชีย เหมาะกับ ไวน์ขาว
- ไวน์ขาว เขากินตอนมันเย็นๆ
- ไวน์แดงกินที่อุณหภูมิห้อง อย่าริเอาไปแช่เย็นหล่ะ
- Chateau (อ่านว่า ชา-โต้ว์) เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า คฤหาสน์ (หรือปราสาทก็ได้) ดังนั้น Chateau de Chalawan (ชาโต้ว์ เดอ ชาละวัน) ของเสธ.หนั่น แปลว่า คฤหาสน์แห่ง(หรือ ของ)ชาละวัน
- ถ้าคุณเจอไวน์ที่มี ชื่อพันธุ์องุ่นเหมือนกัน 2 ชื่อ แต่สลับตำแหน่งกัน เช่น Shiraz Carbernet กับ Carbernet Shiraz อย่าตกใจ เพราะความหมายของทั้ง 2 ตัวต่างกันนิดหน่อยโดย Shiraz Carbernet คือไวน์ที่เกิดจากการผสมกันของ Shiraz กับ Carbernet แต่ อัตราส่วนของ Shiraz มากกว่า Carbernet แต่ถ้า Cabernet ขึ้นก่อนก็แปลว่า อัตราส่วนของ Cabernet มากกว่า หรือสรุปเอาง่ายๆว่า อันไหนขึ้นก่อน ก็แปลว่าถูกผสมมากที่สุดในขวดนั้น
- หนึ่งในขั้นตอนของการผลิตไวน์คือ การ ย่ำไวน์ ซึ่งก็คือการคันนั่นแหละ โดยเขาจะเอาองุ่นใส่ถังแล้วให้คนขึ้นไปย่ำให้น้ำไวน์ออกมา ซึ่งเคล็ดลับก็คือ ยิ่งคนย่ำตีนเน่าขนาดไหน ไวน์ก็ยิ่งอร่อยขึ้นเท่านั้น (โกหก)
- สมัยก่อนนู้น พวกชนชั้นสูงดูถูกชนชั้นต่ำ แล้วก็จิบไวน์ไปด้วยหน้าตาเชิดๆหยิ่งๆ ชนชั้นต่ำเลยดูถูกชนชั้นสูงด้วยการทำไวน์ให้พวกนั้นดื่มด้วยการย่ำไวน์
- ศัตรูตัวฉกาจของไวน์คือ อุณหภูมิที่สูงกว่า 25 C และ ออกซิเจน แต่สำหรับไวน์แดงนั้น จะมีแสงแดดเพิ่มเข้ามาด้วยจ๊ะ
แก้วไวน์[แก้ไข]
แก้วไวน์เองก็สำคัญนะ เลือกแก้วผิดกับคุณลักษณะของไวน์ก็ทำให้ได้รสชาตของมันไม่เต็มที่เหมือนกัน
- แก้วไวน์แดงทรงสูง เหมาะกับไวน์แดงที่มีกลิ่นหอม เช่น Merlot (อ่านว่า แมร์โลต์)
- แก้วไวน์แดงทรงป้อม เหมาะกับไวน์ที่มีแทนนินสูง เช่น Cabernet Sauvinon (อ่านว่า กาแบร์เนต์ซูวินญอง)
ลีเคียว[แก้ไข]
ลีเคียวคือเหล้าหวานของฝรั่ง มีเยอะมากมายจนปวดหัว
สุรานารี[แก้ไข]
หาเปรียบสุราเป็นผู้หญิงแล้วไซร้
- วิสกี้ เธอคือหญิงผู้อ่อนไหว แปรเปลี่ยนไปตามสภาวะที่เธอเป็น ถ้าคุณระมัดระวัง ละเอียดอ่อนกับเธอ เธอก็จะดีกับคุณ แต่ถ้าคุณปฏิบัติแบบส่งเดชกับเธอ เธอก็จะไม่แยแสคุณ
- บรั่นดี เธอคือหญิงผู้รักนวลสงวนตัว หยิ่งทรนง เธอไม่ต้องการให้คุณมาปรุงแต่งอะไรให้เธอ ขอเพียงคุณใจเย็น อดทนรอเวลาที่เธอพร้อม ไม่มือไวใจเร็ว ไม่ฉกฉวยโอกาศหาเศษหาเลยกับเธอ เธอก็จะแสดงความรัก ความอ่อนโยนกับคุณ จนคุณอดภูมิใจมิได้ว่า คุณคือยอดดวงใจของยอดหญิงแห่งแผ่นดิน แต่หากคุณหักหาญน้ำใจ บีบบังคับเธอ ถึงคุณจะได้กายของเธอ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะมอบใจให้กับคุณ
- กลุ่มวอดก้า และอนุพันธ์ของวอดก้า หญิงสาวผู้จัดจ้านประหนึ่งม้าพยศก็มิปาน เธอนั้นร้อนแรงซาบซ่า แต่ก็พร้อมจะน็อคคุณในทุกเวลาที่คุณเผลอไผล แต่ถ้าคุณปฎิบัติกับเธอดีๆให้เธอถูกใจ เธอก็พร้อมที่จะอ่อนหวานกับคุณ
อาการเมา[แก้ไข]
อ่านอาการเมา
ผู้บริโภคสุราเป็นหลัก[แก้ไข]
- วิศวกร
- ทเห่อ (เพลงๆ หนึ่ง กล่าวถึงดีกรีความเมาไว้ว่า "ทัพบกทัพเรือครึ่งขวด ตำกวดแก้วนึงก็ถลา สาเหตุที่ลูกทัพฟ้า เมาช้าเพราะโซดาไม่ค่อยเย็น.....")
- ตำกวด (มีคำกล่าวไว้ว่า เป็นเมียทเห่อนับขวด เป็นเมียตำกวดนับทั้งขวดนับทั้งตังค์)
- อ๊าดติ๊ด (สมัยก่อนจะเป็นอ๊าดติ๊ด จะดื่มหนัก แต่หลังจากเป็นอ๊าดติ๊ดแล้วจะดื่มเพื่อเข้าสังคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าสังคมชั้นไหนด้วย)
- กำมะกอน (จน ! เครียด ! กินเหล้า !)
- นักชึกอ้า (เป็นอาชีพที่นิยมดื่มเหล้ามากที่สุด เพราะปัจจัยทั้งหลายนั้นหาได้ง่าย ในเพศหญิงบางคนสามารถใช้ร่างกายจ่ายค่าเหล้าได้อีกด้วย)
- นักเขี่ย (ว่ากันว่านักเขี่ยบางคนเมาแล้วจะมีอารมณ์สุนทรีย์ ยิ่งนักเขี่ยการ์ตูนจะนึกมุกออก ไม่รู้จริงหรือเปล่า)
กฏ กติกา มารยาท และเกร็ดน่ารู้ในวงเหล้า[แก้ไข]
- เป็นผู้น้อย ห้ามเอาก้นแก้ว/ขวดชนกับปากแก้ว/ขวดของผู้ใหญ่
- ถ้าอาวุโสเท่าเทียมกัน ให้เอาข้างแก้วชนกัน
- ห้ามชนแก้วแรง (แตกคามือไม่รู้นา)
- ห้ามหงายมือรินเบียร์ (เพราะเอาไว้ใช้กับคนตาย)
- ห้ามกินแต่กับ เหลือให้คนอื่นแดกมั่ง
- ห้ามกินเหล้าขณะขับรถ (เพราะมันจะหก)
- กินเสร็จแล้วพอตื่นมาถ้าจำอะไรไม่ได้ และกลัวว่าจะโดนคนอื่นอำ ให้ทำเนียนไม่ต้องพูดอะไร หรือไม่ก็อำตัวเองก่อนที่จะโดนอำ
- กินเสร็จแล้วห้ามชักดาบ
- กินเสร็จแล้ว จะชักว่าวหรือไม่ก็ได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคล
- แต่กินเสร็จแล้วห้ามข่มขืนผู้หญิง
- และห้ามข่มขืนเสาไฟฟ้าด้วย (กรณีศึกษา)
- ห้ามปากดี
- ถ้ากินกับคนเกาหลีที่อาวุโสสูงกว่า ให้รินเหล้าด้วยมือขวา ขณะรินต้องใช้มือซ้ายรองศอกข้างขวาด้วย
- การกินเบียร์กับคนญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องปกติถ้าเขาจะแย่งกันรินเบียร์ แต่ว่า ถ้าเป็นกลุ่มคนทำงาน ลูกน้องจะต้องรินเบียร์ให้เจ้านาย
- ในกรณีที่เป็นแฟนกัน ตามทำเนียมญี่ปุ่น ผู้หญิงต้องรินเบียร์ให้ผู้ชาย
- เวลาผู้ชายญี่ปุ่นรินเบียร์ให้ผู้ชายอีกคน คนรินต้องแหกปากว่า "มาๆๆๆ"ส่วนอีกฝ่ายให้แหกปากรับว่า"โอ๊ะ โตะๆๆ"
- แต่ในกรณีที่แฟนสาวชาวญี่ปุ่นรินเบียร์ให้นั้น ไม่ต้องร้องแหกปาก แต่ให้ผู้ชายทำหน้าถมึงทึงจ้องมองแก้วว่าผู้หญิงจะรินหกหรือไม่ เมื่อเสร็จแล้วให้ทำหน้าหยิ่งเชิดใส่ อย่าตกใจ เพราะนี่คือวิถี ซามูรวย
- สำหรับคนไทย เวลามีคนรินเบียร์ให้ ให้เราเอามือจับแก้วไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องยกแก้วเพราะจะรินได้ง่ายกว่า การยกแก้วนั้นคือกรณีที่ผู้รินให้อยู่ไกลจากเรา แต่กรณีนั้น รับมารินเองดีกว่ามั้ง
- แต่สำหรับคนญี่ปุ่น ถ้ามีคนรินเบียร์ให้เรา ให้ยกแก้วขึ้นจากโต๊ะ
- กินเหล้ากับฝรั่ง ห้ามคว่ำแก้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถิ่นของฝรั่งเอง เพราะการทำเช่นนั้น หมายความว่า คุณท้าต่อยกับทุกคนในร้านนั้น
- ถ้าไปกินเหล้าในเมืองฝรั่ง การวางแก้วในแนวนอนแปลว่าคุณไม่ดื่มต่ออีกแล้ว ดื่มต่อไม่ไหวแล้ว
- คนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ชอบกินเบียร์ผสมเหล้า
คำว่าชนแก้วในภาษาต่างๆ[แก้ไข]
- อังกฤษ - เชียส์
- ฝรั่งเศส - ซองเต้
- เยอรมัน - โพช Prost!
- จีน - กานเปย
- เกาหลี - คอมเบย
- ญี่ปุ่น - คัมปาย
- มองโกล - โตเล่ย
- อินเดีย(ฮินดี) - แบนจูด (จริงๆแล้ว แปลว่า เย็1แม่นะจ๊ะ)
- สปป.ลาว - ตำจอก
- อิตาเลี่ยน - ชินชิน! Cin cin!
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุรา[แก้ไข]
- คำว่า ดีกรี หมายถึงว่า อัตราส่วนความเข้มข้นของ เอททิลแอลกอฮอลต่อปริมาณเหล้าทั้งหมด โดยปริมาณ ตัวอย่างเช่น เซี่ยงชุน 40 ดีกรี คือ ในเซี่ยงชุน 100 มิลลิลิตรนั้น จะมี เอททิลแอลกอฮอล เป็นส่วนประกอบอยู่ 40 มิลลิลิตร
- นอกจากนี้ ยังมีหน่วย พรูฟ(proof)ซึ่งโดยประมาณแล้ว 2 พรูฟ เท่ากับ 1 ดีกรี แต่รู้ๆเอาไว้เถอะ บ้านเราไม่ค่อยเจอหรอก จะไปเจอบ้างในพวกเหล้ารัม
- แอลกอฮอล เป็นสารเคมีในกลุ่ม ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับจำนวนคาร์บอนใน1องค์ประกอบ (จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่ายังไง ทิ้งเคมีไปนานแล้ว) แต่ที่แน่ๆ มีเพียงเอททิลแอลกอฮอล์เท่านั้นที่กินได้ ในแอลกอฮอลล้างแผลนั้นเป็น เมททิลแอลกอฮอล์ กินไม่ได้นะจ๊ะ
- เอททิลแอลกอฮอล์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า เอททานอล เมื่อเอาเอทานอล 1 ส่วนไปผสมกับน้ำมันเบนซิน (แกสโซลีน)9 ส่วน ก็จะได้ แกสโซฮอล์
- การกินเหล้านั้น พอจะช่วยแก้หนาวได้ โดยฤทธิ์ของสุรา จะทำให้เลือดลมสูบฉีดแรงขึ้น อีกทั้งในสุรานั้น มีสารให้พลังงานอยู่ เลยทำให้เกิดการเผาผลาญของพลังงาน และการหมุนเวียนความร้อนมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น
- หมายเห็ด การกินเหล้าแก้หนาว ควรหาที่อุ่นพอสมควารภายใน 4-5 ชมหลังกินเหล้า แล้วห้ามหลับโดยที่รอบๆ ยังเย็นอยู่ เพราะมีโอกาสสูงที่จะไหลตาย แต่ถ้าไม่แรงและรอบๆ ยังไม่เย็นมาก ก็ให้นอนได้ ผลลัพจะเป็นแบบข้างล่าง
- ในภาษาจีน คำว่า ไวน์ หมายถึงเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด
- ในเมืองจีน มีเบียร์มากกว่า 100 ยี่ห้อ
- ที่ออสเตรเลีย ราคาของไวน์เริ่มต้นที่ขวดละ 6 ออสเตรเลียนดอลลาร์ (180 บาท)
- ที่ฝรั่งเศส ราคาไวน์เริ่มต้นที่ขวดละ 3 ยูโร
- ที่เยอรมัน เด็กอายุมากกว่า 12 สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้
- ออสเตรเลียภูมิใจที่ผลสำรวจออกมาว่าประเทศตัวเองกินเหล้าหนัก
- นายก จอห์น โฮเวิร์ด ของออสเตรเลีย เคยเป็นแชมป์กระดกเบียร์ 12 ปีซ้อน
- คนฝรั่งเศส กินไวน์เฉลี่ยแล้ว ปีละ 59 ลิตรต่อคน
- ประเทศเทยพยายามห้ามไม่ให้คนกินเหล้าด้วยการเซนเซอร์ และ อื่นๆ แต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เปลืองภาษีเปล่าๆน่า ดูออสซี่ เยอรมัน กะ ฝรั่งเศส ดิ๊ ขี้เมาขนาดนั้นยังรวยได้เลย ทำไมประเทศเราจะรวยมั่งไม่ได้
- ประเทศเกาเหลาใต้ มีผีเซ็นเตอร์เบียร์ได้ไม่ผิดกฎหมาย แต่เมืองเทยแค่โพสรูปคู่ขวดสุราก็ติดคุกได้แล้ว
- มีประเทศๆหนึ่งในยุโรปตะวันออก ตั้งโทษของการเมาแล้วขับไว้ว่า ยิงทิ้งได้เลย
วิธีแก้ไข้ตัวร้อนโดยไม่พึ่งยา แต่พึ่งสุรา หายไว เห็นผลเร็ว[แก้ไข]
![]() |
เรื่องราวข้างล่างนี้ เป็นความไร้สาระส่วนบุคคล แต่ไม่ห้ามถ้าจะลอกเลียนแบบ โปรดปรึกษาจิตแพทย์หลังทำตามทุกครั้ง
|
- ดื่มเหล้าแรงๆ เช่น วอดกา เตกิล่า จนรู้สึกตัวร้อนวูบวาบ หนักหัว พร้อมเข้านอน
- ใส่เสื้อผ้าให้หนาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับว่าคุณจะไปตะลุย ไซบีเรีย แล้วนอนห่มผ้าห่มให้หนาที่สุดเท่าที่จะทำได้
- นอนซ่ะ รับรองว่า ถึงจะร้อนแค่ไหน คุณก็จะไม่รู้สึก เพราะเมา
- ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อทั่วตัว และอาการเป็นไข้ที่หายไป
เหตุผล
อาการไข้ขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากร่างกายของเรา ผลิตความร้อนขึ้นมาเพื่อทำลายเชื้อโรคในร่างกาย การกระทำเช่นนี้จะช่วยทำลายเชื้อโรคได้เร็วขึ้น
การกินยาลดไข้ จะส่งผลเสียในระยะยาว ไม่เป็นผลดีต่อรางกาย และเป็นคำแนะนำชุ่ยๆของหมอบางคน
นอกจากนี้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวเกาหลีเองนั้น ก็มีการผสมยาลดไข้ โดยใช้เหล้าเป็นตัวหลักเช่นกัน
ดังนั้นใครบอกว่าเหล้าไม่มีประโยชน์ ข้าขอเถียงขาดใจ เหล้าข้า ใครอย่าแตะ— ไอ้ขี้เมา กล่าว
อ้างอิง[แก้ไข]
- ^ ผู้จัดเกรียน, 2551,"รวยรินกลิ่นเหมาไถ-นารีแดง / อู่วัฒนธรรม", อ่านเมื่อ 16 มิถุนายน 2551, <http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000068415>
- ^ คุณ Nini แห่งวิเกรียนพีเดีย ในหน้าพูดคุยของ~~~ ในวิเกรียน